สำหรับใครที่เข้าสู่วัยทำงาน โดยเฉพาะหนุ่มสาวออฟฟิศที่ต้องนั่งในท่าเดิมเป็นประจำทุกวัน น่าจะเกิดความรู้สึกปวดเมื่อยจนต้องหาเวลาแวะไปผ่อนคลายที่ร้านนวดในกรุงเทพฯ ใกล้ที่ทำงานกันอยู่บ่อย ๆ แต่เคยสงสัยไหมว่า ระหว่าง ‘การนวดออยล์’ และ ‘การนวดอโรม่า’ นั้นมีความแตกต่างกันอย่างไร และการนวดแต่ละแบบจะสามารถช่วยดูแลร่างกายได้อย่างไรบ้าง เราจะพามาไขข้อสงสัยไปพร้อม ๆ กันในบทความนี้
ปัจจุบันนี้ ‘การนวด’ เป็นหนึ่งในวิธีบำบัดและผ่อนคลายร่างกายที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในหมู่วัยทำงานและวัยกลางคนที่มักเผชิญกับอาการปวดเมื่อยตามร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แน่นอนว่าประโยชน์ของการนวดนั้นก็ไม่ใช่แค่ช่วยบรรเทาความรู้สึกเมื่อยล้าที่เกิดขึ้นตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเพียงอย่างเดียว แต่ศาสตร์การนวดยังช่วยผ่อนคลายจิตใจ บรรเทาความเครียด และช่วยให้นอนหลับได้เต็มอิ่มมากขึ้น ซึ่งหลัก ๆ แล้วเราอาจคุ้นเคยกับการ ‘นวดออยล์’ และ ‘นวดอโรม่า’ ซึ่งเป็น 2 ประเภทที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มาดูกันว่าทั้ง 2 ประเภทนี้แตกต่างกันอย่างไร
การนวดออยล์ หรือ Oil Massage คือการใช้น้ำมันเข้ามาช่วยในการนวดตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งโดยปกติแล้วน้ำมันเหล่านี้จะเป็นน้ำมันที่ไร้สีและไร้กลิ่น โดยใช้เพื่อช่วยเพิ่มความนุ่มลื่น ทำให้ผู้เข้ารับการนวดรู้สึกสบายตัวและผ่อนคลายมากขึ้น แตกต่างจากการนวดแผนโบราณแบบทั่วไปที่เราอาจพบได้บ่อย ๆ ตามร้านนวดในกรุงเทพฯ ที่ไม่ได้ใช้น้ำมันและเน้นไปที่การใช้แรงกดเพื่อรักษาอาการปวดเมื่อยเฉพาะจุด นอกจากนี้ น้ำมันที่ใช้นั้นยังมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว หลังนวดแล้วจะรู้สึกได้เลยว่าผิวดูสุขภาพดีและเนียนนุ่ม
การนวดอโรม่า หรือ Aromatherapy คือการใช้น้ำมันเข้ามาช่วยในการนวด คล้ายคลึงกับการนวดออยล์ แตกต่างกันตรงที่น้ำมันที่ใช้ในการนวดประเภทนี้ จะเป็นน้ำมันหอมระเหยที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมที่มีประโยชน์ต่อผิวพรรณ ร่างกาย และจิตใจ ช่วยให้รู้สึกสงบ สดชื่น และบรรเทาความเครียดได้เป็นอย่างดี เช่น กลิ่นจากดอกไม้นานาชนิดที่ช่วยรักษาอาการนอนไม่หลับ หรือ กลิ่นสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาอาการปวดหัว และร้านนวดในกรุงเทพฯ บางร้านก็อาจจุดเทียนหอมกลิ่นเดียวกันร่วมด้วยในระหว่างการนวด เพื่อสร้างบรรยากาศอบอุ่นและผ่อนคลายให้ผู้เข้ารับการนวดรู้สึกเหมือนได้พักผ่อนอย่างเต็มที่
โดยปกติแล้วการนวดแผนโบราณแบบทั่ว ๆ ไปที่ไม่ได้มีการใช้ออยล์ อาจทำให้ผู้เข้ารับการนวดรู้สึกเจ็บจากแรงกด ซึ่งหากใครที่ไม่คุ้นชินกับการนวดก็อาจทำให้เกิดการระบมไปหลายวันเลยทีเดียว แต่ในการนวดออยล์ที่ใช้น้ำมันเข้ามาช่วยนั้น จะช่วยลดความเจ็บปวดที่อาจเกิดขึ้นได้ระหว่างที่ทำการยืดกล้ามเนื้อและคลายเส้น ทั้งยังช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ร่างกายขับของเสียได้ดีขึ้น บรรเทาอาการปวดเมื่อยได้ดีกว่า และรู้สึกสบายตัวมากกว่า
ในส่วนของการนวดอโรม่านั้น ประโยชน์ที่ได้รับเพิ่มขึ้นก็คือเรื่องของการบำรุงผิวพรรณ เพราะน้ำมันบางชนิดมีคุณสมบัติในการดูแลผิว
เมื่อนำมาใช้ร่วมกับการนวดก็จะช่วยให้น้ำมันซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ผิวดูเนียนนุ่ม ทั้งยังมีสรรพคุณหลากหลาย เช่น ช่วยคลายความกังวล บรรเทาความเครียด แก้อาการนอนไม่หลับ บรรเทาอาการปวดหัว ช่วยให้หายใจสะดวก และช่วยกระตุ้นระบบประสาทและสมอง ทำให้รู้สึกสดชื่น แจ่มใส และกระปรี้กระเปร่ามากขึ้นหลังได้รับการนวด
โดยปกติแล้วการนวดทั้ง 2 ประเภท เหมาะกับวัยทำงาน วัยกลางคน หรือใครก็ตามที่เผชิญกับการอาการปวดเมื่อยเหนื่อยล้าจากการทำงาน หรือต้องนั่งทำงานอยู่ในท่าเดิม ๆ ตลอดทั้งวัน แต่การนวดอโรม่านั้นจะเหมาะอย่างยิ่งสำหรับสาว ๆ ที่อยากบำรุงผิว, ผู้ที่ต้องการผ่อนคลายจากความเครียด และผู้ที่เผชิญกับอาการนอนไม่หลับมาเป็นเวลานาน เพราะกลิ่นหอมผ่อนคลายจากน้ำมันหอมระเหย ผสานกับการนวดโดยผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยแก้ปัญหาสุขภาพเรื้อรังเหล่านี้ได้อย่างตรงจุด
หากใครที่สนใจการนวดผ่อนคลายเพื่อบรรเทาความเครียดและรักษาอาการปวดเมื่อย สามารถเข้ารับบริการได้เลยที่ Let’s Relax Spa ร้านนวดสปาในกรุงเทพฯ ที่เปิดให้บริการมากกว่า 20 สาขา ให้บริการนวดโดยผู้เชี่ยวชาญ ภายใต้บรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละสาขา สุดสงบและผ่อนคลาย จองแพ็กเกจที่ใช่ผ่านทางออนไลน์ได้เลย
คลิกเพื่อทำการจองเข้ารับบริการ : https://booking.letsrelaxspa.com